วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

(เธอ)...ความผูกพันเดียวที่มีความหมายในชีวิตของพี่ชายคนนั้น


คนที่เคยเดินทางไปตามเขตรอยต่อของจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือ คงพอหลับตานึกเห็นภาพเส้นทางทอดยาวคดเคี้ยวผ่านภูเขา ที่นำพาผู้คนผ่านไปตามชุมชน เมืองเล็ก เมืองน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่ราบระหว่างภูเขาใหญ่

เมืองนี้ก็เป็นเช่นเมืองอีกหลายเมืองตามหุบเขาใหญ่ เป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางผ่านของสองจังหวัดใหญ่ทางเหนือ เป็นเมืองที่ผมมีโอกาสไปเยี่ยมเยียน เรียนรู้ชีวิตของคนหลาย ๆ คนที่นั่น

เมืองนี้ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขา ที่อาจเรียกได้ว่า อยู่ในสภาพไกลปืนเที่ยงก็ว่าได้ หากนับย้อนไปในวันเวลาที่พี่ชายคนนั้นยังเป็นหนุ่มอยู่..........

บ่ายวันหนึ่งในช่วงกลางปี 2549 ผมพบกับเขา....ผู้ชายคนนั้น....ในวันเวลาที่เขาผ่านชีวิตมากว่าสี่สิบห้าปีแล้ว เขาได้รับการติดต่อเพื่อช่วยบอกเล่าชีวิตของเขาให้ผมฟัง ในห้องว่างของโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง

หลังพูดคุยแนะนำตัวทำความคุ้นเคยกันสักพัก พี่ชายก็เริ่มต้นเล่าชีวิตให้ผมฟัง ว่าเวลาที่ผ่านไปเกือบค่อนชีวิตของเขาผ่านอะไรมาบ้าง....ชีวิตวัยหนุ่มที่รุ่งเรือง ที่นับว่านำสมัยและโดดเด่น กับโศกนาฐกรรมชีวิตในพื้นที่เมืองกลางหุบเขา....

เขาย้อนถามผมว่า อยากให้เล่าเรื่องแบบนี้ใช่ไหม..... ผมไม่ขัด....เขาจึงเล่าต่อไปเรื่อย..นับเป็นชั่วโมง ๆ

ระหว่างนั้น ผมถามเขาว่า ชีวิตปัจจุบันนี้เป็นอย่างไรบ้าง....พี่ชายนิ่ง มองหน้าผม ดวงตาของเขาฉายแวววูบเหงาให้เห็น

เราเปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องชีวิตปัจจุบันและอนาคต ที่บางคนบอกว่า เขาไม่มีอนาคตอีกแล้ว...อนาคตที่เหลืออยู่ของเขาขึ้นอยู่กับเม็ดยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี
ที่เขาต้องกินทุกวัน ต้องกินให้ตรงเวลา
เป็นการกินยาตามเข็มนาฬิกา ที่ผูกพันธนาการชีวิตของเขาเอาไว้
เป็นการกินยาเพื่อให้มีชีวิต และ....มีชีวิตเพื่อกินยา


เวลาอีกกว่าชั่วโมง ที่ผมนั่งฟังพี่ชายคุย เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอย่างเดียวดาย อยู่ร่วมกับสหายชื่อความเหงา โดยมีพยานชีวิตเป็นนก ไก่ กา ที่เขาเลี้ยงไว้ในสวนกลางหุบเขา....เขาต่อชีวิตของเขา ด้วยความหวังกับหญิงสาวรุ่นพี่ที่อยู่แดนไกล ผู้ที่คอยเป็นห่วง ดูแลเขาทุก ๆ ครั้ง ยามที่เธอเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด

น้ำเสียงของเขายามบอกเล่าเรื่องของเธอ ดูหนักแน่น จริงจัง แต่เป็นเสียงที่เปี่ยมสุข...นั่น...นับเป็นความรู้สึกของผม ...เป็นน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป

ความผูกพันระหว่างสองคน มีต้นทุนมาจากความเป็นเพื่อนและความห่วงใย....สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตของเขา เป็นความหมายในการมีอยู่ของชีวิต ชีวิตของชายวัยกลางคน ที่ผู้คนในชุมชนบอกว่า เคยเป็นชีวิตที่โดดเด่น ล้ำสมัย อยู่ในชุมชนที่ตั้งอยู่ห่างไกลท่ามกลางหุบเขา แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ ผู้คนที่นั่นบอกว่า เขาไม่รุ่งแล้ว

ช่วงบ่ายวันถัดมา ขณะที่ผมนั่งฟังและเรียนรู้ชีวิตของชายอีกคนอยู่ ผมเห็นพี่ชายคนเดิม เดินผ่านไปมาหน้าห้องหลายรอบ สายตาที่มองมาแสดงความหมายต้องการพบกับผมอีกครั้งให้ได้ เขารออยู่จนเราได้พบกัน เขาเข้ามาขอเทปที่อัดเสียงการพูดคุยระหว่างเราเมื่อวานนี้ บอกความต้องการ ใช้สิ่งนี้เป็นพยานชีวิต ที่บ่งบอกเจตนาบริสุทธิ์ และความรักที่มีต่อหญิงสาว...ผู้ที่เขาเฝ้ารอ

“หากเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้เขาได้ยินที่ผมพูดเมื่อวานนี้ ว่าผมรู้สึกกับเขาอย่างไร....”

ผมยังคงคิดถึงคำพูดนี้ เป็นคำพูดที่พี่ชายคนนั้นบอกผมว่า....

การพูดคุยกันของเรา ทำให้ได้เรียนรู้ว่า ความหวังในชีวิตของเขามีความหมายเยี่ยงไร และเขาไม่อยากสูญเสียมันไป

และหากถึงวันที่เขาต้องจากโลกนี้ไป เขาก็อยากให้หญิงสาวคนนั้นได้ฟังถ้อยคำที่เขาพูดถึงเธอด้วยความจริงใจ โดยมีคนแปลกหน้าอย่างผมเป็นเพื่อนร่วมสนทนารับฟัง

ผมหยุด นิ่ง คิด.....ว่า....ในขณะที่เม็ดยา.....อาจทำหน้าที่ของมันในการต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายของเขา แต่สิ่งที่ค้ำจุนชีวิตและจิตใจของเขาอยู่เบื้องหลัง กลับเป็นความหวัง ความหมายในชีวิต ที่สร้างขึ้นมาจากต้นทุนชีวิต ความรัก ความผูกพันระหว่างมนุษย์...

...ที่การให้ความหมายเรื่องเอดส์กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้พรากเอาสิ่งเหล่านี้ไป

1 ความคิดเห็น:

  1. "เอดส์" มักถูกบอกให้รับผิดชอบกับการสูญเสียของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความผูกพัน ความหวังในชีวิต...แต่ทว่าเพราะ "ภายในที่อ่อนแอ" ของมนุษย์มิใช่หรือ ที่อนุญาตให้ภายนอกเข้ามาทำร้ายได้ถึงเพียงนี้...นี่แหละมนุษย์ มีความอ่อนแออยู่เสมอ ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่มนุษย์จะต้องคอยดูแลซึ่งกันและกัน...

    ตอบลบ